การรักษาโดยการใช้รากเทียม

ในส่วนของรากเทียมนั้นสามารถทำได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสามารถทำการผ่าตัดภายใต้ยาชาเฉพาะที่ได้ คนไข้หลายคนสงสัยว่าถ้าสูงอายุจะทำได้หรือไม่ จริงๆแล้วคนไข้สูงอายุก็สามารถทำรากเทียมได้ถ้ามีร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี

ขั้นตอนในการรักษารากเทียม

อันดับแรก คือ ต้องมาพบทันตแพทย์ก่อนเพื่อตรวจสภาพฟันต่างๆ ภายในช่องปากให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นทันตแพทย์ก็จะส่งผู้ป่วยไปถ่ายภาพรังสี หรือ x-ray เพื่อประเมินสภาพกระดูกของคนไข้ ว่ามีปริมาณกระดูกที่มากพอหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปทันตแพทย์ก็จะทำการพิมพ์ปากเทเป็นแบบจำลองออกมา เพื่อใช้วางแผนการรักษาว่าจำเป็นจะต้องใช้รากเทียมกี่ซี่ จะฝังรากเทียมในตำแหน่งไหนบ้าง หลังจากนั้นกระบวนการรักษาก็จะเริ่มด้วยการฝังรากเทียม ฝังรากฟันเทียมเสร็จก็อาจจะต้องรอให้กระดูกจับกับรากฟันเทียมดีก่อน รออย่างน้อย 2-3 เดือน เป็นต้นไป แล้วจึงจะสามารถเริ่มทำครอบฟันต่อได้

ในส่วนของการทำครอบฟัน จะประกอบไปด้วยการพิมพ์ปาก การส่ง lab ให้กับห้องปฏิบัติการทำครอบฟัน หรือทำสะพานฟันหรือฟันปลอมขึ้นมาแล้วก็นำมาใส่บนรากเทียมต่อไป เพราะฉะนั้นใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนจึงจะเสร็จ

การทำรากเทียมนั้นสามารถที่จะปรับปรุงให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คนที่ใส่ฟันปลอมทั้งปาก ใส่ฟันปลอมถอดได้ เวลาเคี้ยวฟันปลอมจะขยับไปมาทำให้คนไข้เคี้ยวไม่สะดวก เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด แต่พอมีรากเทียมช่วยยึดฟันปลอม ก็จะทำให้ฟันปลอมนั้นแน่นขึ้น เวลาพูด เวลาคุย เวลายิ้ม หรือเวลาหัวเราะก็จะไม่หลุด มีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มแรงในการบดเคี้ยวให้กับคนไข้ดี ทำให้สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างละเอียดขึ้น รากเทียมนั้นยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการคงสภาพกระดูกบริเวณรากเทียมโดยรอบไว้ เพราะการใส่ฟันปลอมทั้งปากนั้น ถ้าเกิดไม่มีหลักยึดหรือไม่มีรากเทียม อาจจะมีโอกาสทำให้กระดูกที่รองรับฟันปลอมมีการละลายตัวได้